ราวกันตก หรือ ราวระเบียง แบ่งเป็น ประเภทต่างๆ ดังนี้
- ราวเหล็ก ใช้เหล็กเป็นโครงสร้างหลักในการทำ รูปแบบโครงสร้างของราวขึ้นอยู่กับการออกแบบของสนถาปนิก และความต้องการของลูกค้า โดยทั่วไปความสูงของราวจะประมาณ 90 ซม. ถึง 1.10 เมตร สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร ทั้งนี้จะมีการทาสีกันสนิมรองพื้นและทาสีจริงทับเพื่อความสวยงามและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ปัจจุบันนิยมใช้ตามคอนโดมิเนียม และบ้านเรือนทั่วไป
- ราวสแตนเลส ใช้สแตนเลสเป็นองค์ประกอบหลัก ราวประเภทนี้จะมีราคาสูงกว่าราวเหล็ก แต่จะมีความสวยงามมากกว่า สาารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
- ราวไม้ เหมาะกับที่อยู่อาศัยที่มีเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นองค์ประกอบหลัก
- ราวกระจก โดยทั่วไปจะติดตั้งบริเวณภายในอาคาร ซึ่งกระจกที่นิยมใช้ ได้แก่ กระจกลามิเนต และกระจก Temper
ราวกันตก มีองค์ประกอบหลักๆ ดังนี้
- เสา ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างหลักของราวระเบียง อาจจะมีรูปทรงเหลี่ยมหรือทรงกลมก็ได้
- ราวจับ อยู่ส่วนบนของราว สามารถใช้วัสดุหลายชนิดในการทำ เช่น สแตนเลส, เหล็ก หรือ ไม้
- ราวซอย หรือตัวซอย ใช้เพื่อป้องกันคน สัตว์ สิ่งของตกจากบริเวณดังกล่าว ส่วนมากราวซอยจะมีขนาดเล็กกว่าราวจับและเสา
- เพลท หรือฝาครอบ ทำหน้าที่ยึดเกาะราวกับพื้นหรือผนัง ให้แข็งแรงและสวยงาม
- กรณีราวกันตกแบบกระจก ส่วนมากจะมีการใช้กระจกเทมเปอร์ หรือกระจกลามิเนต ความหนา 8-12 มิลลิเมตร มาเป็นส่วนประกอบในการติดตั้ง
- อุปกรณ์เสริม เช่น LED ทำหน้าที่ให้ความสว่าง และความสวยงามแก่ราวกันตก โดยเฉพาะยามค่ำคืน ซึ่งการติดตั้งไฟ LED ต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์เพื่อแปลงกระแสไฟฟ้ากระแสสลับเป็นกระแสตรงในขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน
ทั้งนี้ราคาของราวกันตก จะมีความแตกต่างกัน ตามวัสดุที่ใช้, ความหนา, เกรดของวัตถุดิบ และขนาดของวัตถุดิบ รวมถึงรูปแบบการออกแบบ ดังนั้น การเลือกผู้รับเหมาในการติดตั้ง ควรคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าว รวมถึงคุณภาพงาน และความน่าเชื่อถือของผู้รับเหมารายนั้นๆด้วย